International News
เหลือเชื่อ! จำได้ไหม เด็กหนุ่ม ผู้นั่งสมาธิยาวนานกว่า 6 ปี ลามะปาเดนโดรเจ นี่คือภาพล่าสุด น่าศรัทธามาก!
July 11, 2017
loading...

พี่ชายของลามะปาเดนโดรเจ หรือ รามบาดู บอมจัน ได้เปิดเผยเรื่องราวของลามะให้ฟังว่า... ลามะเกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2533 เรียนหนังสือแค่ชั้น ป.4 เท่านั้น หลังจากนั้นก็หันมาเรียนสายธรรมะแทน ซึ่งตอนเด็ก ๆ ลามะชอบเดินออกไปไกล ๆ แต่ไม่ได้ออกไปเล่นเหมือนคนอื่น ๆ มักจะพบลามะที่ใต้ต้นโพธิ์เสมอ ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว มีอยู่วันหนึ่งเขาหายไปตัวตั้งแต่เช้า ก่อนออกจากบ้านลามะก็ได้บอกกับแม่ว่า ให้เลิกเลี้ยงสัตว์ และปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระเสีย จากนั้นวันนั้นทั้งวันก็ไม่ได้เห็นลามะอีกเลย เมื่อตนเดินไปหายังต้นโพธิ์ที่ลามะมักจะนั่งสมาธิอยู่บ่อย ๆ ก็ไม่พบ จนกระทั่งมีคนมาบอกว่าเห็นลามะอาบน้ำอยู่ที่ลำธาร เมื่อไปถึงลามะก็ไม่ยอมกลับบ้านบอกว่า ตนแค่อยากมาอาบน้ำคนเดียว และขอนั่งสมาธิตรงนี้ถึงสองทุ่มแล้วจะกลับไป โดยให้ตนเอาของที่จำเป็นกลับมาให้ด้วย
พี่ชายของลามะ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นเขาก็ไม่กลับบ้านอีกเลย เขาบอกว่าไม่อยากลุกไปไหน อยากนั่งสมาธิตรงต้นโพธิ์แห่งนี้เพียงอย่างเดียว ซึ่งการปฏิบัติสมาธิในครั้งนั้น เขานั่งติดต่อกันยาวนานถึง 10 เดือน โดยที่ไม่ลุกไปไหน หรือรับประทานอะไรเลย สร้างความฮือฮาแก่ผู้ที่พบเห็น กลายเป็นเรื่องที่สนอกสนใจของชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
ข่าวของลามะหนุ่มชาวเนปาลได้เผยแพร่ไปทั่วโลก หลายคนได้เดินทางไปยังต้นโพธิ์แห่งนั้นเพื่อพิสูจน์ด้วยตาตนเอง เพราะว่าการปฏิบัติสมาธิเช่นนี้เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าได้เคยทำไว้เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีเด็ก ๆ และคนที่ไม่เชื่อคอยยุแหย่ หรือเอาไม้ไปจี้ท่าน แต่ลามะก็นั่งสำรวมนั่งสมาธิอยู่อย่างสงบ และการปฏิบัติธรรมของลามะก็ถูกพิสูจน์จากกล้องวิดีโอที่บันทึกภาพไว้ตลอด 24 ชั่วโมง นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้เราได้ทราบว่า ลามะตั้งจิตมั่นเพื่อปฏิบัติสมาธิเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ลุกหรือขยับไปไหนแม้แต่นิดเดียว นอกจากนี้ยังมีภาพเหตุการณ์ที่เพลิงไฟลุกโชติช่วงไปทั่วอาสนะของลามะ แต่ลามะทำแค่เพียงยืนอยู่เฉย ๆ จากนั้นเพลิงไฟดังกล่าวก็ดับหายไป โดยลามะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ หรือลุกเดินออกมาจากอาสนะเลย
ถึงแม้ว่า จะมีภาพเหตุการณ์ออกมาเพื่อพิสูจน์เรื่องราวดังกล่าวแล้ว แต่ก็มีคนที่คอยจับผิดอยู่ตลอดเวลา โดยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้จีวรของลามะเป็นสีเทา แต่ทำไมเมื่อเวลาผ่านไปแรมปี จีวรของลามะถึงกลายเป็นสีน้ำตาล อีกทั้งยังมีสื่อต่าง ๆ เดินทางมาเพื่อขอสัมภาษณ์ลามะ จนลามะต้องออกมากล่าวว่า มีเรื่องอื่นที่น่าทำ และน่าสนใจอีกมากมาย ทั้งเรื่องการปฏิบัติธรรม การนั่งสมาธิ นอกจากนี้เหตุการบ้านเมืองยังวุ่นวาย อย่ามาจับผิดเราเรื่องอดอาหารอีกเลย ต่อไปนี้เราต้องหาที่ใหม่แล้ว เพราะที่นี่ไม่สงบสุข...
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ลามะก็หายตัวไป และปรากฎตัวเมื่อถึงวันสำคัญเท่านั้น เช่น ประเพณีฆ่าสัตว์เมื่อปี 2552 ซึ่งท่านได้แสดงความเห็นว่า อย่าทำการฆ่าสัตว์เพื่อบูชาเทพเจ้าอีกเลย และจากนั้นท่านก็หนีเข้าป่าไปราว 1 เดือน โดยกล่าวว่า ที่หายไปนั้นเพราะไม่อยากตอบคำถามเรื่องที่ห้ามยุติการฆ่าสัตว์ และหลังจากนั้นยาวนานกว่า 6 ปี ลามะก็นั่งที่อาสนะปฏิบัติธรรมอย่างยาวนาน ท่ามกลางความเลื่อมใสของบรรดาพุทธศาสนิกชนเป็นจำนวนมาก
เมื่อลามะออกจากอาสนะ ก็ได้ออกเทศนาที่สั่งสมจากการนั่งสมาธิยาวนานกว่า 6 ปี ท่ามกลางความสนใจเป็นอย่างมากของชาวโลก โดยท่านลามะได้กล่าวว่า .... "ขอนอบน้อมแด่พระอวโลกิเตศวร ขอนอบน้อมแด่พระอริยไมตรี ขอให้ศาสนาทุกศาสนามีเมตตา เราจะแนะนำทางที่บริสุทธิ์ เพื่อสันติภาพแก่ชาวโลก เพื่อผู้มีบุญบารมีในชาติก่อน ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันดีที่นั่งสมาธิครบ 6 ปีแล้ว ในยุคแห่งความวุ่นวายและความเปลี่ยนแปลงของโลกนี้ ด้วยอานุภาพของพระอริยไมตรีจะคุ้มครองให้ชาวโลกรอดปลอดภัย ชาวโลกไม่รู้ว่าพระอริยไมตรีเคยเกิดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง และได้ให้คำสอนไว้กับชาวโลก หลังจากที่ข้าพเจ้านั่งสมาธิผ่านไปได้ 10 เดือนโดยไม่ลุกไปไหน รู้สึกได้ถึงความร้อน ความหนาว ฝนตก ซึ่งร่างกายมีเพียงผ้าบาง ๆ มองไปด้านหลังช้า ๆ ก็เห็นปลวกขึ้นผ้า


คำถามที่สองถามว่า ใครคือครูบาอาจารย์ของท่านลามะ และอยากจะฝากความรู้อะไรหลังนั่งสมาธิครบ 6 ปี และจะเผยแพร่ความรู้เมื่อไร ลามะ กล่าวว่า พระโพธิสัตว์ให้ปัญญา ต่อไปตนจะได้เห็นพระพุทธเจ้าและจะได้ปฏิบัติตามคำสอน ตนไม่รู้ว่านั่งสมาธิไปนานเท่าไร วันเวลาผ่านไปเท่าไรตนไม่รู้เลย เหมือนลืมวันลืมคืน ตนฝึกปฏิบัติสมาธิมายาวนาน มีความรู้ และปัญญามากขึ้น ทั้งนี้เพื่อจะนำความรู้ที่ได้ดังกล่าวไปสู่สันติภาพให้กับชาวโลก ส่วนประสบการณ์ตนได้ความรู้ที่มากขึ้น จากเดิมตนมีจุดมุ่งหมายเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ตอนนี้ตนจะสร้างบุญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อจะได้เห็นพระพุทธเจ้า และจะได้นำเอาคำสอนมาสู่ชาวโลก

"เราแค่นั่งสมาธิ"
สองคำข้างต้นนี้ คือคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า ลามะหนุ่มชาวเนปาลเป็นเพียงคนธรรมดา ที่อยากจะแสวงหาความความรู้ สติ และปัญญา ผ่านการนั่งสมาธิ และไม่ได้เทียบตนเองเหมือนศาสดาอย่างที่ใคร ๆ คิด
0 comments