ก่อนสงกรานต์ ปี 2553 นางฉลวย อายุ 70 ปี เจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้าง บุญมีแต่กรรมบัง ถูกรางวัลที่ 1 สองครั้งในชีวิต รวมเป็นเงินกว่า 11 ล้าน แต่กลับไม่เคยได้ใช้เงิน โดยอ้างว่า ถูกขโมยลอตเตอรี่ไป

นางฉลวย กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ก่อนเกิดเหตุตนซื้อลอตเตอรี่การกุศลหมายเลข 186312 และ 186313 โดยเขียนชื่อสลักหลังไว้ที่ลอตเตอรี่ทั้ง 2 ใบ และเก็บไว้ในลิ้นชักหน้ารถยนต์ของตน พอขับรถกลับมาถึงบ้าน พบว่า ตนเองถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลข้างเคียง ได้เงินมูลค่าเกือบ 7 ล้านบาท ตนจึงรีบไปหาลอตเตอรี่ที่เก็บไว้ แต่กลับพบว่า ถูกคนรู้จักขโมยไปแล้ว ตนจึงเข้าแจ้งความให้ติดตามตัว นางนี (นามสมมติ) คนรู้จัก ซึ่งนางนีเป็นเพียงคนเดียวที่เข้ามาในรถของตน

“ทุกวันนี้ ป้ากินไม่ได้นอนไม่หลับ โดยช่วงปี 50 ป้าเคยถูกรางวัลที่ 1 ประจำงวดวันที่ 1 ต.ค. หมายเลข 430667 ได้เงินรางวัล 4 ล้านบาท แต่สามีก็ขโมยลอตเตอรี่ ก่อนนำไปขึ้นเงิน เมื่อได้มาก็นำเงินไปให้ลูกติดของตัวเอง ต่อมา สามีเสียชีวิตไป ป้าก็ยังไม่ได้เงินมาใช้เลย มาคราวนี้ก็ถูกรางวัลที่ 1 อีก เผลอๆ อาจจะถูกแจ็กพอตด้วย แต่ก็โชคร้ายมาถูกขโมยไปอีก ป้านอนร้องไห้ทุกวัน ไปร้องเรียนมาแล้วก็หลายที่ ทั้งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือที่รัฐสภา แต่ก็ดูไร้ความหวัง” นางฉลวย กล่าวทั้งน้ำตา
ด้าน นายวันชัย สุระกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในสมัยนั้น กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กรณีดังกล่าวไม่ว่าจะมีใครมาขึ้นรางวัลไปแล้วหรือไม่ก็ตาม หากเจ้าตัวยืนยันว่า มีการเขียนชื่อสลักหลังสลากกินแบ่งรัฐบาลไว้จริง สามารถตรวจสอบ และตามหาผู้ที่มารับรางวัลได้แน่นอน เบื้องต้นให้เจ้าของสลากที่แท้จริงไปแจ้งความไว้ก่อน จากนั้นให้นำเอกสารมาแจ้งที่สำนักงานฯ ซึ่งสำนักงานฯ จะตรวจสอบว่า เลขที่ถูกรางวัลดังกล่าว ผู้ที่ขึ้นเงินรางวัลไปแล้วนั้นเป็นใคร และจะต้องมีการพิสูจน์กันต่อไปว่า มีสิทธิที่จะได้รับรางวัลจริงหรือไม่
 “ถ้าเจ้าของสลากตัวจริงยืนยันว่า ลงชื่อสลักหลังไว้แล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ตรวจสอบหลักฐานได้ กองสลากจะจ่ายเงินรางวัลให้เฉพาะผู้ที่เขียนสลักหลังสลากฯ ก่อนเท่านั้น กรณีนี้ หากถูกขโมยก็จะมีการฟ้องร้องต่อไป หากผู้เสียหายมาติดต่อก็จะรู้ว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้อยากเตือนประชาชนว่า มีกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้วิธีในลักษณะนี้มาแอบอ้างขอรับเงินรางวัลอยู่เป็นระยะๆ โดยอ้างว่าถูกรางวัล แต่สลากฯ หายหรือถูกขโมยไป พอตรวจสอบกลับมาพบว่า เป็นพวกแอบอ้างจำนวนมาก” นายวันชัย กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ไพทูลย์ สังข์ทอง รอง ผกก.สส.สภ.บึงสามพัน ณ ขณะนั้น กล่าวว่า นางฉลวยเข้าแจ้งความ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2553 ซึ่งหลังรับแจ้งความตำรวจได้เรียกนางนี ที่นางฉลวยกล่าวหามาสอบปากคำ ซึ่งนางนียืนยันว่าไม่รู้เรื่อง ไม่ได้เป็นคนขโมยลอตเตอรี่ของนางฉลวยไป ขณะเดียวกัน ได้สอบปากคำคนขายลอตเตอรี่ที่นางฉลวยอ้างถึงก็ยืนยันว่าไม่รู้ว่านางฉลวยถูกลอตเตอรี่ นอกจากนี้ได้ทำเรื่องสอบถามไปยังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งได้รับหนังสือตอบกลับมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การออกสลากงวดดังกล่าวยังเหลือผู้ถูกรางวัลที่ 1 ที่ยังไม่มารับรางวัลอีก 2 ชุด ซึ่งผู้ที่มารับรางวัลทุกคนจะต้องมีการลงชื่อสลักหลังลอตเตอรี่ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีชื่อนางฉลวย

พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ ขณะนั้น กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ตนจะให้ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับเรื่องไว้ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการ ก่อนจะโอนคดีไปให้กองปราบปราม รับผิดชอบ และจะประสานไปยังสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น.






from:https://www.siamnews.com/view-4378.html