ยังเป็นเรื่องราวที่คนไทยยังให้ความสนใจอย่างมาก สำหรับกรณีนักศึกษาไทย 2 ราย ขับรถตกเหวลึกที่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2560 จนถึงวันนี้วันที่ 11 สิงหาคม 2560 ร่างของทั้ง 2 ก็ยังอยู่ที่เดิม เนื่องจากทางการของสหรัฐฯกล่าวว่า เป็นพื้นที่สูงมาก มีลมแรงกระโชก เฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถไปจอดลงได้ จึงต้องรอภูมิสภาพอากาศก่อน
 และก็ผ่านมาแล้ว 15 วัน ที่ทางการสหรัฐฯไม่สามารถกู้ซากของนักศึกษาไทยขึ้นมาได้ เนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวยนั่นเอง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2560ได้สัมภาษณ์ นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ หรือคุณยอด หัวหน้ารถกู้ภัยและรองหัหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เคยทำงานกู้ชีพมา 25 ปี โดยได้ระบุข้อความเอาไว้ดังนี้..

“ถ้าเป็นกู้ภัยไทย สิ่งสำคัญที่สุด จะต้องไปให้ถึงตัวรถโดยเร็ว เพื่อไปตรวจสอบให้ได้ว่า คนในรถนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เมื่อทราบแล้วจะประเมินได้ว่า จะใช้วิธีใดและอุปกรณ์ใดในการช่วยเหลือในลำดับถัดมา  กรณีที่ตรวจสอบแล้วว่า ผู้ประสบเหตุยังมีชีวิตอยู่ ขั้นตอนต่อมา คือ การร้องขอทีมสนับสนุนทีมแพทย์ พร้อมขอสนับสนุนอุปกรณ์การนำตัวผู้ประสบเหตุขึ้นไปยังด้านบน โดยหากเป็นประเทศไทยจะใช้ระบบเคเบิลเวย์ หรือเป็น ระบบลำเลียงผู้ประสบภัยทางเชือก ซึ่งมีอุปกรณ์บัดเจดหรืออุปกรณ์ปฐมพยาบาล และแพ็กตัวผู้บาดเจ็บก่อนนำส่งขึ้นมาด้วยระบบเชือก ถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยกับผู้ช่วยเหลือด้วย”
“เหตุการณ์ครั้งนี้ รถตกเหวสูงมาก แถมสภาพอากาศเลวร้าย กระแสน้ำไหลเชี่ยว ลมแรง ซึ่งมีผลต่อการ ช่วยเหลือ แต่ไม่มาก ยิ่งถ้าเป็นคนของเขาที่มีความคุ้นชิน รวมถึงอุปกรณ์เซฟตี้ที่พร้อม สามารถช่วยป้องกันได้มากอยู่แล้ว ถือว่าไม่ได้มีอุปสรรค ผมว่าสิ่งที่อันตรายขึ้นอยู่กับความประมาทมากกว่าทางอเมริกามองถึงความปลอดภัยของทีมที่ไปช่วยเหลือเป็นหลัก จึงยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติการ แต่กับกรณีนี้ ตนมองว่า มากเกินไป จนทำให้บางครั้ง ผู้ที่รอการช่วยเหลือหมดโอกาส หากเขายังไม่เสียชีวิต โดยปล่อยให้รอถึง 2 สัปดาห์ แต่สำหรับตนแค่ 2 วัน ตนยังคิดว่าผู้ประสบเหตุรอมากเกินไปด้วยซ้ำ”

“หากเป็นประเทศไทย เราจะไม่ปล่อยไว้นานถึง 2 สัปดาห์ และผมว่าไม่เกิน 2 วัน เจ้าหน้าที่ต้องสามารถนำ ร่างผู้ประสบเหตุขึ้นมาคืนญาติได้ครับ ส่วนซากรถปล่อยไว้ก่อน เพราะตัวผู้ประสบเหตุนั้น สำคัญที่สุด แต่ตอนนี้เรารู้และมั่นใจได้อย่างไรว่า ผู้ประสบเหตุเสียชีวิตแล้ว เพราะยังไม่มีใครลงไปพิสูจน์ ถ้าเกิดเขายังไม่ตายเท่ากับเขาต้องรอการช่วยชีวิตอีกนานหลายสัปดาห์เลยนะ นี่แค่ได้ยินข่าวไม่ใช่ญาติเรา ไม่ใช่คนรู้จัก เป็นแค่คนไทยคนหนึ่ง แต่ลองนึกว่า ถ้าเขาเป็นญาติเรา เป็น คนรู้จักของเรา เราจะยิ่งรู้สึกเสียใจมากกว่านี้แน่นอน ดังนั้น ฝากวิงวอนให้รีบดำเนินการ และภาวนาขอให้สภาพอากาศเริ่มคลี่คลายดีขึ้น และรีบปฏิบัติการช่วยเหลือให้นำผู้ประสบภัยขึ้นมาได้โดยเร็วครับ”
มีภาพ











from:http://www.siamnews.com/view-4069.html