International News
ผู้ประสบเหตุ สำคัญที่สุด! ฟังมุมกู้ภัยไทยเผยไม่เกิน 2 วันช่วยได้ พร้อมบอกวิธีกู้ศพ 2 นศ.ไทยคืนสู่ญาติที่กำลังรอคอย!!
August 10, 2017
loading...
ผ่านมา 15 วันแล้ว ในการกู้ศพ 2 นักศึกษาไทยที่ประสบอุบัติเหตุรถเก๋งชนราวกั้นถนนอุทยานแห่งชาติคิง แคนยอน เมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ตกไปติดอยู่ที่แก่งหินในลำธารก้นเหว โดยทางตำรวจทางหลวงรัฐแคลิฟอร์เนีย เขตเฟรสโน และทีมกู้ภัยของสำนักงานนายอำเภอท้องถิ่น ยังไม่ดำเนินการกู้ซากรถ โดยอ้างเรื่องระดับน้ำสูงยังอันตรายสำหรับทีมกู้ภัยที่จะลงไปกู้
ชาวเน็ตกลุ่มแรก มองว่า...
“รถแหกโค้งตกลงไปในเหวลึก ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่ามีชีวิต จึงเป็นการกู้ร่าง ไม่ใช่ กู้ภัย โดยต้องรอให้สถานการณ์ปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่ที่จะลงไปกู้ร่าง”
“เฮลิคอปเตอร์ ไม่สามารถลงไปได้ เพราะช่องเขาแคบ และมีลมแรง”
“คนอเมริกาก็ต้องรอเป็นสัปดาห์เหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับสัญชาติ”
“หน่วยกู้ภัยที่นู่นมองว่าเป็นการกู้ศพ ไม่ใช่การช่วยคนรอดชีวิต ส่วนรถที่ตกเหวรอให้สภาพอากาศเปิด พร้อมกับมีเครื่องมือที่เหมาะสมมากู้รถกับศพ ไม่มีความจำเป็นต้องรีบเสี่ยงเอาคนลงไปกู้”
“เป็นคนดัง นักการเมืองคงรู้ตั้งแต่ครึ่งวันแรกที่หายไปแล้ว แต่นี่เพิ่งเจอซากรถหลังผ่านไป 5 วัน”
“อเมริกาให้ความสำคัญกับ Safety First มากๆ เขาจะไม่เอาเจ้าหน้าที่กู้ภัยไปเสี่ยงอันตราย เพราะไม่คุ้ม”
“คนเป็นสำคัญกว่าคนตาย การกู้ร่างผู้ตาย สิ่งสำคัญสุดคือชีวิตคนลงไปกู้ร่าง”
ขณะที่ ชาวเน็ตอีกกลุ่ม มองว่า...
“หากเป็นกู้ภัยไทย คงกู้มาได้ตั้งแต่ 1-2 วันที่พบแล้ว”
“กู้ภัยไทยถูกสอนให้คาดหวังว่า ผู้ที่ประสบเหตุยังมีชีวิตรอดเสมอ ต่างกับฝรั่งที่มองว่า คนพวกนี้เสียชีวิตแล้ว”
“อเมริกามีเจ้าหน้าที่ที่เก่งมาก และมีเครื่องมือทันสมัยกว่าไทย เหตุใดจึงไม่รีบกู้”
“นี่ถ้าเป็นดาราดัง นักการเมือง จะปล่อยไว้นานถึง 2 สัปดาห์ไหม”

เหวที่มีความลึก 150 เมตร มีระดับน้ำสูง ไหลเชี่ยว ลมแรง อากาศหนาว หากเป็น “พวกคุณ” จะทำอย่างไร? หัวหน้ารถกู้ภัย มูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวว่า สิ่งแรกที่ต้องทำโดยเร็วที่สุด คือ...
1. ทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปยังจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุด
2. ประเมินสถานที่เกิดเหตุ ดูความปลอดภัยของสถานที่ ว่าจะลงไปได้ด้วยวิธีไหนบ้าง พร้อมกับร้องขออุปกรณ์ที่เหมาะสมเพื่อลงไปด้านล่าง
3. หาวิธีส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยลงไปยังจุดที่รถตกลงให้เร็วที่สุดด้วยความปลอดภัย เพื่อตรวจสอบว่าผู้ประสบเหตุมีชีวิตอยู่หรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อดูจากคลิปและภาพ หากเป็นที่อเมริกาที่มีความพร้อมของอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่มีความเชี่ยวชาญนั้น มีวิธีลงไปช่วยเหลือได้หลายวิธีมาก เช่น ใช้เฮลิคอปเตอร์ โรยตัวเจ้าหน้าที่ลงไป แต่จากข่าวระบุว่ามีกระแสลมแรงยังไม่สามารถไปบินได้ หรือการใช้แพ หรือเรือกู้ภัย ล่องตามลำน้ำ ระดับน้ำยังสูงและเชี่ยวมาก ทั้งสองวิธีจึงอันตราย
แต่การใช้เจ้าหน้าที่กู้ภัยทางสูง โรยตัวด้วยระบบเชือกลงไปสู่ด้านล่าง เมื่อลงไปสู่ด้านล่างก็ประเมินความปลอดภัยจากสถานที่เกิดเหตุด้านล่าง เมื่อพบว่าปลอดภัย จึงมุ่งไปยังตัวรถ เพื่อตรวจสอบให้ได้ว่า ผู้ประสบภัยบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
“ถ้าเป็นกู้ภัยไทย สิ่งสำคัญที่สุด จะต้องไปให้ถึงตัวรถโดยเร็ว เพื่อไปตรวจสอบให้ได้ว่า คนในรถนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เมื่อทราบแล้วจะประเมินได้ว่า จะใช้วิธีใด และอุปกรณ์ใดในการช่วยเหลือในลำดับต่อมา” เจ้าของรหัส นคร 45 ย้ำชัด
กรณีที่ตรวจสอบแล้วว่า ผู้ประสบเหตุยังมีชีวิตอยู่ ขั้นตอนต่อมา คือ การร้องขอทีมสนับสนุนทีมแพทย์ พร้อมขอสนับสนุนอุปกรณ์การนำตัวผู้ประสบเหตุขึ้นไปยังด้านบน โดยหากเป็นประเทศไทยจะใช้ระบบเคเบิลเวย์ หรือเป็นระบบลำเลียงผู้ประสบภัยทางเชือก ซึ่งมีอุปกรณ์บัดเจดหรืออุปกรณ์ปฐมพยาบาล และแพ็กตัวผู้บาดเจ็บก่อนนำส่งขึ้นมาด้วยระบบเชือก ถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยกับผู้ช่วยเหลือด้วย
ขณะเดียวกัน หากพบว่าผู้ประสบเหตุเสียชีวิตแล้ว สิ่งที่กู้ภัยไทยทำคือ จะประเมินสถานการณ์ว่า จะนำร่างออกมาทันที หรือรออุปกรณ์ นอกจากนี้ เมื่อเห็นว่าจะต้องใช้เวลานานในการกู้ซากรถ หาวิธีนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาอย่างเดียวก่อนและค่อยกู้ซากรถทีหลัง แต่จะไม่ปล่อยร่างให้คาอยู่ตรงนั้นแน่นอนถ้าเป็นกู้ภัยไทย
“เหตุการณ์ครั้งนี้ รถตกเหวสูงมาก แถมสภาพอากาศเลวร้าย กระแสน้ำไหลเชี่ยว ลมแรง ซึ่งมีผลต่อการช่วยเหลือ แต่ไม่มาก ยิ่งถ้าเป็นคนของเขาที่มีความคุ้นชิน รวมถึงอุปกรณ์เซฟตี้ที่พร้อม สามารถช่วยป้องกันได้มากอยู่แล้ว ถือว่าไม่ได้มีอุปสรรค ผมว่าสิ่งที่อันตรายขึ้นอยู่กับความประมาทมากกว่า” หัวหน้านักกู้ภัย กล่าว

นายอัญวุฒิ ยังกล่าวต่อว่า ทางอเมริกามองถึงความปลอดภัยของทีมที่ไปช่วยเหลือเป็นหลัก จึงยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติการ แต่กับกรณีนี้ ตนมองว่า มากเกินไป จนทำให้บางครั้ง ผู้ที่รอการช่วยเหลือหมดโอกาส หากเขายังไม่เสียชีวิต โดยปล่อยให้รอถึง 2 สัปดาห์ แต่สำหรับตนแค่ 2 วัน ตนยังคิดว่าผู้ประสบเหตุรอมากเกินไปด้วยซ้ำ
“หากเป็นประเทศไทย เราจะไม่ปล่อยไว้นานถึง 2 สัปดาห์ และผมว่าไม่เกิน 2 วัน เจ้าหน้าที่ต้องสามารถนำร่างผู้ประสบเหตุขึ้นมาคืนญาติได้ครับ ส่วนซากรถปล่อยไว้ก่อน เพราะตัวผู้ประสบเหตุนั้น สำคัญที่สุด แต่ตอนนี้เรารู้และมั่นใจได้อย่างไรว่า ผู้ประสบเหตุเสียชีวิตแล้ว เพราะยังไม่มีใครลงไปพิสูจน์ ถ้าเกิดเขายังไม่ตายเท่ากับเขาต้องรอการช่วยชีวิตอีกนานหลายสัปดาห์เลยนะ” นักกู้ชีพมากประสบการณ์กว่า 25 ปี แสดงความเห็น
รองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู มองว่า ในทางกลับกันหากเกิดขึ้นที่ประเทศไทย โดยผู้ประสบเหตุเป็นชาวต่างชาติ ความช่วยเหลือจะถูกระดมกำลังไปมากกว่าเดิม เพราะเห็นความสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“นี่แค่ได้ยินข่าวไม่ใช่ญาติเรา ไม่ใช่คนรู้จัก เป็นแค่คนไทยคนหนึ่ง แต่ลองนึกว่า ถ้าเขาเป็นญาติเรา เป็นคนรู้จักของเรา เราจะยิ่งรู้สึกเสียใจมากกว่านี้แน่นอน ดังนั้น ฝากวิงวอนให้รีบดำเนินการ และภาวนาขอให้สภาพอากาศเริ่มคลี่คลายดีขึ้น และรีบปฏิบัติการช่วยเหลือให้นำผู้ประสบภัยขึ้นมาได้โดยเร็วครับ” เจ้าของรหัส นคร 45 ฝากทิ้งท้าย.
ขอบคุณภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ
from:http://www.siamnews.com/view-3953.html
0 comments