“ตำนานพระธาตุพนมล้ม” ขุมทรัพย์ล้ำค่า ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ลำแสงสีเขียว!เปิดตำนานพระธาตุพนมล้ม! ขุมทรัพย์ล้ำค่า ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ลำแสงสีเขียว…

loading...  เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ หรือเดือนนี้เมื่อ ๔๐ ปีก่อน ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญคนทั้งสองฝั่งโขง เมื่อพระธาตุพนมที่ตั้งตระหง...

loading...
 เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ หรือเดือนนี้เมื่อ ๔๐ ปีก่อน ได้เกิดเหตุสะเทือนขวัญคนทั้งสองฝั่งโขง เมื่อพระธาตุพนมที่ตั้งตระหง่าน เป็นที่สักการะของพี่น้องไทย – ลาวมาเป็นเวลากว่า ๒,๕๐๐ ปี ได้ล้มถล่มลงมาทั้งองค์ เผยให้เห็นของมีค่าที่บรรจุอยู่ภายใน รวมทั้งพระอุรังคธาตุ หรืออัฐิส่วนพระอุระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธรูปทองคำ ๒ องค์ หนัก ๔.๗ กก. และ ๑๘ กก.บรรจุอยู่ภายใน
 ในตำนานกล่าวไว้ว่า องค์พระธาตุพนมสร้างครั้งแรกในราว พ.ศ. ๘ ในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรใช้ดินดิบก่อขึ้นเป็นรูปเตาสี่เหลี่ยม แล้วเผาให้สุก กว้างด้านละ ๒ วา สูง ๒ วา ข้างในเป็นโพรงมีประตูปิดทั้ง ๔ ด้าน เมื่อสร้างเสร็จแล้วได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุ ที่พระมหากัสสปะเถระนำมาจากประเทศอินเดียเข้าบรรจุไว้ ต่อมาได้สร้างครอบอีกหลายชั้นในแต่ละสมัย บ้างก็สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ ๑๑ หรือ ๑๒ สมัยทวารวดี มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ประดับด้วยลวดลายวิจิตรประณีตทั้งองค์ มีความหมายทางพระพุทธศาสนา สูงจากพื้นดิน ๕๓ เมตร ฉัตรทองคำสูง ๔ เมตร รวมเป็น ๕๗ เมตร ประดิษฐานอยู่ห่างแม่น้ำโขงประมาณ ๕๐๐ เมตร ปัจจุบันอยู่ใน วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม

ตลอดระยะเวลาหลายยุคที่ผ่านมา มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุพนมมาตลอด บางครั้งก็บูรณะโดยการต่อยอด แต่ไม่มีการเสริมสร้างส่วนฐานแต่อย่างใด ทำให้ฐานส่วนล่างต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการบูรณะเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๓ – ๒๔๘๔ ได้มีการทำรูระบายอากาศรอบด้านในส่วนยอด รูนี้ทำให้ฝนไหลเข้าได้ แต่ไม่มีทางระบายน้ำออก องค์พระธาตุจึงกลายสภาพเป็นที่เก็บน้ำที่ค่อย ๆ ซึมชุ่มอิฐภายในให้เปื่อยยุ่ย เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในเดือนมีนาคม ๒๕๑๘ ได้เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นหลายจุด แล้วลามจากรอยปริด้านบนลงมายังฐาน ทำให้องค์พระธาตุเริ่มเอียงจากแกนเดิม ต่อมาเมื่อล่วงเข้าฤดูฝนในเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม มีฝนตกหนักเกือบทุกวันทั้งยังมีลมแรง รอยร้าวก็เริ่มแยกออกกว้างขึ้น
 ในตอนเช้าวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ ผนังปูนลวดลายพระธาตุด้านตะวันออกได้กะเทาะหลุดร่วงลงมาทั้งแผ่น และยังร่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นรอยแตกขยายกว้าง จนถึงเวลาเย็นเห็นรอยลึกเข้าไปในฐาน และเมื่ออิฐหลุดร่วงจะได้ยินเสียงครืดคราดออกมาจากภายในฐานพระธาตุเป็น   ระยะ คนที่เฝ้าดูอยู่ก็ใจระทึก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ จนกระทั่งเห็นได้ชัดว่าองค์พระธาตุเอียงไปทางทิศตะวันออก

 ในเวลา ๑๙.๓๘ น. องค์พระธาตุพนมก็ล้มลงทั้งองค์ ทับสิ่งก่อสร้างในบริเวณนั้น เช่น หอพระ ศาลาการเปรียญ และพระวิหารหอพระแก้ว พังราบไปด้วยเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้ทำการรื้อถอนและขนย้ายซากปรักหักพังขององค์พระธาตุออก พบสิ่งล้ำค่ามากมาย รวมทั้งพระอุรังคธาตุ ๘ องค์บรรจุอยู่ในผอบแก้วซึ่งมีสัณฐานคล้ายรูปหัวใจ สูง ๒.๑ เซนติเมตร หุ้มด้วยทอง มีช่องเจาะสี่ด้าน มีฝาทองคำปิดสนิท ภายในผอบมีน้ำมันจันทน์หล่อเลี้ยงอยู่
 ในวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๑๘ ได้มีพิธีสมโภชพระอุรังคธาตุ ๗ วัน ๗ คืน ในงานนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้เสด็จทรงเป็นประธานในพิธี และสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์  จนวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๑๙ บริษัท อิตาเลียน – ไทย ได้เริ่มขุดหลุมเข็มรากพระธาตุพนมองค์ใหม่ และได้ทำพิธีลงเข็มในวันที่ ๒๘ พฤษภาคม โดยสร้างครอบฐานพระธาตุองค์เดิมซึ่งยังเหลืออยู่ประมาณ ๖ เมตรเศษ คราวนี้สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ข้างในกลวงเป็นโพรงมีคานยึด ๕ แห่ง มีกรุสำหรับบรรจุพระอุรังคธาตุ ๑ กรุ และกรุสำหรับบรรจุสิ่งของที่พบเมื่อพระธาตุทลายลงมาอีก ๘ กรุ  เมื่อสร้างโครงพระธาตุด้วยคอนกรีตแล้วเสร็จ จึงทำการตบแต่งลวดลาย อิฐลวดลายเก่าที่คัดเลือกไว้ไม่สามารถนำไปปะติดปะต่อได้ทั้งหมด เพราะพระธาตุพนมองค์ใหม่เล็กกว่าองค์เก่า คือที่ช่วงล่างเล็กกว่าองค์เดิมด้านละประมาณ ๕ เซนติเมตร อีกทั้งอิฐลวดลายชำรุดเสียหายไปมาก แต่ที่เหลืออยู่ก็พอเป็นข้อมูลในการศึกษาได้
    ใน พ.ศ. ๒๕๒๕ หลังจากลงมือสร้างพระธาตุพนมมา ๓ ปีเศษ ก็แล้วเสร็จสมบูรณ์ มีฐานกว้างด้านละ ๑๒.๓๓ เมตร สูง ๕๓.๖๐ เมตร เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูง แลดูสง่างามเหมือนองค์เดิม นอกจากบรรจุพระอุรังคธาตุและพระบรมสารีริกธาตุไว้แล้ว ยังบรรจุของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้น ส่วนฉัตรทองคำบนยอดพระธาตุ มีน้ำหนักถึง ๑๑๐ กิโลกรัม ซากอิฐปูนของพระธาตุเก่าที่ล้มลงนั้น ทางวัดได้ขนไปเก็บไว้ที่เกาะกลางสระน้ำหน้าวัด โดยสร้างสถูปบรรจุอย่างสวยงาม
 วันที่ ๒๑ – ๒๓ มีนาคม ๒๕๒๒ รัฐบาลได้จัดพระราชพิธีบรรจุพระอุรังคธาตุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเป็นประธานในพิธีในวันแรก วันที่ ๒ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายกทรงเป็นประธานยกฉัตรพระธาตุ ในวันที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงบรรจุพระอุรังคธาตุ
 พระธาตุพนม ปูชนียวัตถุอายุกว่า ๒,๕๐๐ ปี ที่ล้มทลายลงด้วยกาลเวลา ก็กลับฟื้นคืนขึ้นเสียดฟ้าอีกครั้ง และเป็นที่ยึดมั่นศรัทธาทางศาสนาของประชาชน ๒ ฝั่งโขงอย่างยั่งยืนตลอดไป





from:https://www.loveisan.com

You Might Also Like

0 comments

Flickr Images