International News
เอาแล้วไง!! ผู้จัดทนไม่ไหว ออกมาเผยสาเหตุที่แท้จริงที่ถอด"น้องเพลง"จากเพลงละครเพราะเหตุผลนี้ บอกเลยพลาดมาก!!
August 16, 2017
loading...
กลายเป็นเรื่องดราม่ายาวในโลกโซเชียล เมื่อมีข่าวลือว่า “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์” สั่งถอด “เพลง” ชนม์ทิดา ออกจากการร้องเพลง “ทำกับฉันได้ลง” ประกอบละคร “เพลิงบุญ” จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ล่าสุด “หนึ่ง” ณรงค์วิทย์ และ “จ๋า” ยศสินี ในฐานะของผู้ทำเพลงและผู้จัดละครเรื่องนี้ ได้ตัดสินใจเปิดใจเรื่องนี้ครั้งแรกหนึ่ง : ก่อนอื่นเลยนะ ถึงแม้เราจะไม่ใช่คนที่แต่งเพลงนี้ ด้วยหน้าที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เราเลยอยากจะพูดความจริงสิ่งที่มันเกิดขึ้น ว่าอะไรเป็นอะไร และขอพูดทีเดียวจบ จริงๆ เราเองก็ติดตามเรื่องราวมาพอสมควร เพลงนี้มันเป็นความผิดเราเอง ที่เราโทรไปชวนน้องเพลงให้มาร้องเพลงประกอบเพลงละครเรื่องเพลิงบุญ ชื่อเพลงทำกับฉันได้ลง ตอนเราทำก็ไม่ได้คิดอะไร ความผิดของเรา เราผิดเองที่เราโฟกัสไปที่ความสามารถและก็คาแรกเตอร์เสียงของเขา ซึ่งเราก็หาคนมาร้องเพลงด้วยวิธีแบบนี้มาตลอด ซึ่งเราผิดตรงที่ว่าเราไม่ได้ไปสนใจเรื่องอื่นๆ เลยได้มีการโทรไปติดต่อ มาร้องโดยที่ไม่ได้คิดอะไรเลย จากใจจริงเขาจะเคยมีเรื่องอะไรมาก็ตาม เราลืมไปหมดแล้ว จริงๆเราก็ควรคิดมากไปกว่านี้ แต่ด้วยความที่ว่าเดือนๆหนึ่งงานที่เราทำมีปริมาณเยอะมาก พอเราได้มีการปรึกษากันแล้วเรารู้สึกว่าน้องเขาร้องได้เขาโอเค ตอนนั้นสิ่งที่เราห่วง คือเขาจะร้องได้ไหมเพราะว่าเพลงค่อนข้างที่จะร้องยาก ซึ่งเราก็คุยกันแต่เรื่องงาน ไม่เคยคุยเรื่องนี้กันเลย
ซึ่งพอปล่อยทีเซอร์นี้ออกไปก็มีคนทักมา พอมีคนทักมาปุ๊บ เราก็ตกใจแล้วก็รู้ว่าตัวเองพลาดแล้ว เรารู้เลยว่าเราพลาดจริงๆ ซึ่งเราลืมคิดถึงเรื่องนั้นไปได้ยังไง พอถูกคนทักเราก็ตัดสินใจระงับเพลงนี้ทันที โดยที่ไม่มีใครสั่ง เรื่องการตัดสินใจระงับเพลงนี้ เราเป็นคนตัดสินใจเอง เพราะเรารู้สึกว่าเราแคร์ความรู้สึกของคนอื่น รู้สึกว่าเขาจะมีผลกระทบอะไรกับเพลงนี้หรือเปล่า เราเลยตัดสินใจที่จะขอหยุดมันไว้ก่อนดีกว่า แล้วก็ตัดสินใจโทรไปหาน้องเพลงด้วยตัวเอง ก็ได้บอกกับน้องเพลงว่า”น้องเพลงพี่หนึ่งขอโทษ” อย่างจริงจังและจริงใจ เราก็บอกกับเขาเราอยากให้เข้าใจ และบอกน้องเพลงว่า ยังไงเพลงนี้ก็ยังเป็นเสียงร้องของเพลงอยู่และเราจะไม่เอาใครมาร้องแทนเพลง เพลงนี้ยังเป็นเสียงของเพลงอยู่ เราก็บอกเขาไปว่าแต่เราขอเอาไปใช้ ในเรื่องที่มันเหมาะสมนะ
ซึ่งก็ยังไม่สบายใจอีก เราก็เลยเลือกโทรหาพี่ตู่ แล้วก็กล่าวคำขอโทษกับทางพี่ตู่ เพราะเรารู้ว่า เราผิดเองที่เราคิดไปไม่ถึงตรงนั้น เราก็ขอโทษ ซึ่งพี่ตู่ก็พูดกับเราดีมาก บอกว่าเข้าใจ ถามว่าเรามีความสุขหรือที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น จะบอกว่าเราโครตทุกข์เลย พอเราได้โทรหาพี่ตู่แล้ว ก็โทรหาน้องเพลง เราก็รู้สึกสบายใจขึ้น มันไม่ใช่ว่าเราไม่เอาเขาเพราะความสามารถมันไม่ใช่ เพราะจริงๆแล้วเราแฮปปี้มาก ที่น้องร้องออกมาได้ดีขนาดนี้ และเราก็มีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกัน เราก็ยังอยากที่จะทำงานด้วยกันอีกนะ ทั้งพี่ตู๋ทั้งน้องเพลง สิ่งสำคัญที่สุดของเราในวันนั้น คือการที่เราได้ไปขอโทษพี่ตู่และร้องเพลงด้วยตัวเอง เพราะมันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ต้องไปคุยและเจอด้วยตัวเอง พอเรื่องมันดำเนินมาถึงวันนี้ เราเองก็เสียใจ ว่าการทำงานของเรามันไปกระทบกระทั่งกับชีวิตของคนอื่น เราขอพูดตรงๆด้วยความบริสุทธิ์ใจเลยว่าเราไม่เคยคิดถึงตรงนั้น”
จ๋า : เริ่มจากเจตนาก่อน เราไม่ได้มีเจตนาทำร้ายอะไรใคร หรือต้องการกระแส เราไม่ได้ต้องการดราม่าพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น ประเด็นที่เกิดขึ้นเกิดจากที่เราหาคนมาร้องเพลงนี้ไม่ได้ ตอนนั้นพี่หนึ่งทำเมียหลวงและมันเป็นเพลงใกล้ๆ กัน ตอนนั้นพี่หนึ่งได้นัท มีเรียไปร้องเมียหลวง แล้วเรานึกไม่ออกแล้วว่าจะเอาใคร เพราะอยากได้ประมาณเสียสไตล์นัท มีเรีย ตอนนั้นละครยังไม่ได้จะออน แล้วเราไปงานแต่งงานพี่อั๋น (ภูวนาถ) แล้วยืนอยู่ข้างๆ กันกับน้องเพลง ก็ยืนมองน้องเพลง แล้วรู้สึกว่าเท่จังเลย ชอบเสียง อบบุคลิกของเขาด้วย ซึ่งเรารู้สึกตั้งแต่แรกว่าเขาเหมาะกับเพลง แล้วไลน์บอกพี่หนึ่ง แต่เป็นการพูดไปแบบที่ไม่ได้คิดอะไร
แต่พอน้องเพลงตอบรับมาในตอนนั้น เราก็มีคิดว่าเดี๋ยวๆๆๆๆ การที่เอาน้องเพลงมาร้องเพลงประกอบละครเรื่องนี้เราได้มีการเคลียร์ทุกทาง ทั้งผู้ใหญ่รับรู้ทีมงานรับรู้ และนักแสดงทุกคนรับรู้ ซึ่งไม่มีใครมีปัญหาใดๆ ความผิดคือตัวเราเอง ที่ตอนนั้นเราดันไปคิดแบบโลกสวยไปนิดหนึ่งว่า โอ้โหทุกคนใจมากเลย ทุกคนเดินหน้าไปแล้วกับทุกอย่าง เรารู้สึกว่ามันมีความรู้สึกดีอยู่ในนั้น ซึ่งตอนนั้นเราอาจจะโลกสวยเกินไป จริงๆวันนั้นเราควรที่จะปฏิเสธ แต่เราขอยืนยันว่า เราไม่ได้ต้องการกระแสอะไรเลย ความรู้สึกของเราตอนนั้น คือทุกคนใจมากทุกคนทำงานด้วยใจ และเหมือนว่าทุกคนจะก้าวข้ามผ่านทุกอย่างไปแล้ว และเรารู้สึกว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีตอนนั้นเราคิดแค่นั้นจริงๆ”
from:https://www.siamnews.com/view-4337.html
0 comments