หมอเจอคนไข้เด็กวัย 6 ขวบ ที่มาโรงพยาบาลตอนเที่ยงคืน และแววตาของแม่ที่อยู่บนความคาดหวัง ก่อนหมอตัดสินใจทำสิ่งนี้ เกือบไม่รอด!!

loading...  ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆอีกเรื่องหนึ่งที่กำลังได้รับกระแสนิยมในโลกโซเชียลในขณะนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก "OR No.9 เ...

loading...
 ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆอีกเรื่องหนึ่งที่กำลังได้รับกระแสนิยมในโลกโซเชียลในขณะนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก "OR No.9 เรื่องเล่าจากห้องผ่าตัด" ได้โพสต์ข้อความและเนื้อหาดังนี้

ความสุขของ...หมอ
2 สัปดาห์ที่แล้ว เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง อายุ 6 ขวบมาด้วยอาการปวดท้อง สงสัยไส้ติ่งอักเสบ แต่มาประมาณเที่ยงคืนแล้ว
ตอนนั้นผมยอมรับว่าเหนื่อยมาก เพราะตรวจคนไข้และผ่าตัดมาทั้งวัน
อาการคนไข้ก็ไม่ได้ชัดเจนหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็มีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะเป็นไส้ติ่งอักเสบ เพราะมีไข้สูง และกดเจ็บที่ท้องด้านขวาล่าง
แต่เนื่องจากเป็นเด็ก อาการก็ไม่ชัดเจน ประวัติไม่ตรงไปตรงมา
และน้องคนนี้น้ำหนักตัวมาก ผนังหน้าท้องหนา ยิ่งยากต่อการตรวจเข้าไปอีก
ตอนนั้นมี 2 กรณีที่จะเลือกทำได้คือ รอเอ็กซ์เรยคอมพิวเตอร์และรอผลอ่าน ซึ่งกว่าจะได้ผลก็น่าจะเกือบสว่าง และกว่าจะได้ผ่าตัดก็คงเป็นคนที่อยู่เวรเช้ามาผ่าต่อ ส่วนผมก็ไปนอนพักเหนื่อยได้ แต่ข้อเสียคือ ไส้ติ่งอาจแตกได้
ทางเลือกที่สองคือ ผ่าเลย เพราะโอกาสประมาณ 80-90% แต่ต้องรอห้อง รอทีม รอหมอดมยา ซึ่งน่าจะผ่าได้ประมาณตี 2 ซึ่งอาจทำให้ผมกว่าจะได้พักก็ตีสาม
วันนั้นผมเห็นแววตาของแม่เด็กที่มองมา เป็นแววตาที่อยู่บนใบหน้าของความคาดหวัง
เขามาโรงพยาบาลเพราะหวังว่าจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด
อาจารย์ผมจะสอนเสมอว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ให้รักษามาตรฐานไว้ให้ดีที่สุด ให้คนไข้รู้สึกว่าเป็นคนที่โชคดีที่ได้มาเจอเรา
วันนั้นผมตัดสินใจผ่าตัดเด็กน้อยคนนั้น
ปรากฏว่าไส้ติ่งเกือบแตก โชคดีที่ตัดสินใจถูก ณ เวลานั้น
ถ้ารอถึงเช้าไส้ติ่งคงแตก และคงนอนโรงพยาบาลนานขึ้น รวมถึงเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา
วันก่อนผมเจอเด็กน้อยมาตรวจหลังผ่าตัด
ปกติตามนัดคือ 1 สัปดาห์ ผมถามเด็กน้อยว่า ทำไมไม่มาอาทิตย์ที่แล้วล่ะ
เด็กน้อยตอบผมว่า "แม่ไม่มีเงิน ไม่มีค่ารถพามาค่ะ"
ฟังคำตอบ ใจหนึ่งก็รู้สึกสงสาร แต่อีกความรู้สึกก็คิดว่าเราทำดีที่สุดในวันนั้น ที่ได้ช่วยคน ๆ หนึ่ง และครอบครัวหนึ่งเอาไว้
คนบางคน บางครอบครัวไม่มีเงินแม้กระทั่งค่ารถที่จะมารักษา
แต่ก็ได้รับการรักษาที่มาตรฐาน และทันท่วงที ที่สำคัญไม่เสียค่ารักษาสักบาทเดียว
นี่แหละครับ เหตุผลที่ผมยังทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐอยู่
เพราะมีความสุขใจที่ได้ช่วยเหลือคนไข้กลุ่มนี้
หลายคนไม่มีเงิน ไม่มีแม้กระทั่งค่ารถมาโรงพยาบาล
แต่ผมระลึกไว้เสมอว่า เขาต้องไม่ขาดโอกาสที่จะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด และมาตรฐาน และต้องทำให้เขารู้สึกว่า เขาโชคดีที่ได้มาเจอเรา
สุขใจทั้งผู้ให้ สุขใจทั้งผู้รับ
นี่แหละครับ ความสุขของผู้ให้
ความสุขของ...หมอ คนหนึ่ง
ปล.ภาพประกอบสมัยใช้ทุนที่โรงพยาบาลอำเภอ ไม่ได้เกี่ยวกับบุคคลในเนื้อเรื่องแต่อย่างใดครับ
 ซึ่งก็ทำให้หลายต่อหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

Cr.OR No.9 เรื่องเล่าจากห้องผ่าตัด





from:https://www.siamnews.com/view-6080.html

You Might Also Like

0 comments

Flickr Images