กลายเป็นประเด็นเดือดขึ้นมาทันใดหลังจาก ซูซี่ หทัยเทพ ได้มาเปิดใจเล่าเรื่องราวความรักในรายการ คลับฟรายเดย์โชว์ ถึงความรักที่เพิ่งจบไปกับสามีว่า สาเหตุหลัก ๆ ก็คงเป็นเพราะเรื่องผู้หญิง ครั้งแรกที่จับได้ว่าเค้านอกลู่นอกทางจับได้ว่าเค้ามีอะไรกับแม่บ้าน ยอมรับตามตรงว่าวันนั้นหัวใจตกไปถึงตาตุ่ม เพราะพี่รู้สึกว่าเค้าจะไปมีอะไรกับใครก็ตามแต่ขอให้มันมีศักดิ์ศรีมากกว่านี้
 รวมทั้ง ซูซี่ กล่าวในรายการว่า เป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ ถ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเอง จู่ ๆ ก็มีคนส่งไลน์มาให้ ถามว่าอยากรู้เรื่องผู้หญิงคนใหม่มั้ย เค้าก็ส่งรูปมาให้ดูเป็นการถ่ายรูปชูแหวน ซึ่งเป็นแหวนที่ต้องการจะเอาไปให้คุณดอน พี่เองก็มีจุดที่ทนไม่ได้เหมือนผู้หญิงคนอื่นทั่ว ๆ ไป แล้วจุดที่พี่ทนไม่ได้แล้วจริง ๆ และรับไม่ได้ ก็คงเป็นเรื่องที่เค้าแอบมีอะไรกับหลานของเค้าเอง ผู้หญิงมีตั้งเยอะตั้งแยะ แถมหลานเค้าก็มีครอบครัว มีลูกมีสามีแล้วด้วย พี่ถือว่าเรื่องนี้มันไม่สมควรอย่างยิ่ง ถ้าถามว่าพี่ยังรักอยู่มั้ย ก็ยังรักเพราะความผูกพันมันก็ยังมีอยู่ ถ้าเกิดวันนึงเค้าไม่สบายแล้วไม่มีใครดูแล พี่ก็ดูแลได้
แต่เรื่องราวเหมือนจะลงเอยได้ไม่ดี เพราะเหมือนแฟนเก่าของซูซี่จะไม่พอใจกับการออกมาเปิดใจครั้งนี้  โดยล่าสุด วันที่ 5 ก.ย. วิทย์ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล อดีตสามี ซูซี่ หทัยเทพ ออกมาโพสต์ผ่านอินสตาแกรม ว่า...

 "ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่อยากจะโต้ตอบอะไรไปในฐานะที่เป็นผู้ชาย แต่ความจริงเป็นยังไงก็รู้อยู่แก่ใจ ผมแค่อยากให้ทุกคนได้รับรู้ถึงผลสรุปของ 25 ปีที่ต่อสู้เคียงข้างคุณมาตลอด แต่เพราะเราเป็นเด็กอายุน้อยกว่าก็ให้เกียรติคุณมาตลอด ตอนนี้ผมก็อายุจะห้าสิบแล้ว ผมมีลูกสาวที่น่ารักคนหนึ่งแล้ว ผมพร้อมที่ออกมาปกป้องชื่อเสียงของผมและลูกที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต"
รวมทั้งมีเอกสารที่เป็นภาพเอกสารข้อตกลงเรื่องทรัพย์สินหลังหย่าของทั้งคู่ ซึ่งได้จัดทำขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยในเอกสารระบุว่า ทรัพย์สินต่าง ๆ อาทิ ที่ดินและห้องชุดที่ติดจำนอง ซึ่งเป็นชื่อของทั้งคู่ ทางฝ่ายชายตกลงโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดให้กับฝ่ายหญิง โดยไม่ขอเรียกร้องทรัพย์สินใด ๆ

สำหรับรถยนต์หรูที่เป็นชื่อของฝ่ายชาย เขาก็ขอโอนให้ฝ่ายหญิง ส่วนหนี้บัตรเครดิตและหนี้สินต่าง ๆ ที่ฝ่ายหญิงใช้ชื่อฝ่ายชายเป็นผู้ใช้บัตรหรือกู้ยืมขอสินเชื่อกับธนาคารนั้น ทางฝ่ายหญิงตกลงเป็นผู้ชำระหนี้ปิดบัญชีดังกล่าวเอง และทรัพย์สินอื่น ๆ นอกจากนี้ หากอยู่ในครอบครองของฝ่ายใดก็ให้เป็นของฝ่ายนั้น ฯลฯ




from:https://www.siamnews.com/view-5835.html