เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา เว็บไซต์เทเลกราฟ เผยเรื่องราวความแค้นของ โมนิก้า โฟรี หญิงสาวชาวอังกฤษวัย 34 ปี จากเมืองพลิมัท ที่ตัดสินใจเข้าทำร้าย ฮันนาห์ สโตคส์ เหยื่อสาววัยเพียง 24 ปี ด้วยการเทน้ำร้อนเดือด ๆ จากกาต้มน้ำราดใส่ตัวเธอ หลังจากได้พบว่า เธอเป็นหญิงคนรักใหม่ของวูเตอร์ โฟรี ผู้เป็นสามี ที่กำลังมีปัญหากันจนต้องแยกกันอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้หย่ากัน

รายงานศาลระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2558 เมื่อโมนิก้าเดินเข้าไปในบ้าน แล้วพบว่าวูเตอร์ สามีของเธอกำลังนั่งดูเกมการแข่งขันรักบี้กับฮันนาห์ ทำให้เข้าใจได้ทันทีว่า เธอคือหญิงคนรักใหม่ของสามี หลังจากนั้นโมนิก้าก็พยายามระงับสติอารมณ์โดยแสร้งทำเป็นร่าเริง ก่อนจะเดินเข้าไปหาสามีบอกให้เขาแนะนำเพื่อนสาวให้รู้จัก จากนั้นโมนิก้าก็บอกว่าจะไปต้มชาในครัว สักพักเธอได้ออกมาจากครัวพร้อมแก้วชาในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ ฮันนาห์ ซึ่งเหยื่อก็เข้าใจว่าเธอจะเอาชามาเสิร์ฟรับแขก แต่เหยื่อคิดผิด มันเป็นแก้วน้ำร้อนที่โมนิก้านำมาเทราดใส่เธอ ไม่เพียงเท่านั้น โมนิก้ายังเทน้ำร้อนที่เหลืออยู่ในกาทั้งหมดราดซ้ำไปที่ตัวของเหยื่อสาว ทำให้เหยื่อกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด



 วูเตอร์ ให้การว่า หลังจากโมนิก้าเข้ามาเห็นตนและฮันนาห์อยู่ด้วยกัน โมนิก้าก็มองฮันนาห์พร้อมทั้งถามรายละเอียดด้วยความสงสัยว่าเธอเป็นใคร ชื่ออะไร มีลูกไหม ก่อนจะมาบอกตนว่า "ไม่ต้องเป็นกังวล ฉันไม่ทำอะไรแฟนของคุณแน่นอน" จากนั้น วูเตอร์ก็ขึ้นไปที่ชั้นบนบ้าน กระทั่งได้ยินเสียงฮันนาห์กรีดร้อง และร้องขอความช่วยเหลือ วูเตอร์จึงรีบวิ่งลงมา แล้วก็พบว่า โมนิก้ากำลังเทน้ำร้อนราดใส่ฮันนาห์ ด้วยสีหน้าและท่าทางสุดโกรธแค้น ตั้งใจที่ทำร้ายฮันนาห์อย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะรีบเข้าไปช่วยเหลือนำตัวฮันนาห์ส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

เหตุดังกล่าวส่งผลให้ให้ ฮันนาห์ ได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส ร่างกายได้รับความเสียหายเป็นแผลถูกลวกไหม้หลายจุด ตั้งแต่หน้าอก, คอ และแผ่นหลัง รวมทั้งต้องเข้ารับการศัลยกรรมเจาะรูเยื่อแก้วหูสำหรับรับฟังเสียง



ทั้งนี้ วูเตอร์ ยังได้เผยว่า ก่อนเกิดเหตุไม่กี่สัปดาห์ ประมาณช่วงเดือนกันยายน 2558 ความสัมสัมพันธ์รักของเขาและโมนิก้า ผู้เป็นภรรยา เริ่มมีปัญหากัน และใกล้จะแยกทางกันเต็มที กระทั่งวันหนึ่ง วูเตอร์ได้ตัดสินใจพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและขอจบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ลง ซึ่งวูเตอร์เผยว่า โมนิก้าก็อยู่ในอาการสงบไม่ได้แสดงท่าทีโวยวายแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้ตกลงกันเรื่องเงิน และการดูแลลูกกับเธอ ซึ่งหลังจากนั้นโมนิก้าก็บอกว่าเธอจะไปอาศัยอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง กระทั่งไม่กี่วันต่อมา โมนิก้าได้กลับมาที่บ้าน และก่อเหตุไม่คาดฝันดังกล่าวขึ้น ซึ่งในขณะนั้นลูกสาวของทั้งคู่ก็อยู่ที่บ้านด้วย โดยกำลังดูหนังอยู่ที่ชั้นบนของบ้าน

โดยรายงานของศาลระบุว่า โมนิก้าให้การยอมรับผิด แต่เธอได้อ้างว่าเป็นเพราะเธอเกิดอาการโมโห จึงบันดาลโทสะก่อเหตุดังกล่าวไปโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งเธอยังอ้างว่า หลังจากถูกบอกตัดความสัมพันธ์ ทำให้เธอกลายเป็นโรคซึมเศร้า และจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ โดยขณะนี้คดีความกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการพิจารณาไต่สวนของศาล







from:https://www.siamnews.com/view-8620.html