International News
จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ Queen Sirikit ราชินีแห่งสยาม ผู้งดงามที่สุดในโลก (ชมภาพ)
October 28, 2017
loading...
วันนี้สยามวาไรตี้ได้นำเรื่องราวสุดน่าประทับใจให้ทุกๆท่านได้ชื่นชมกันค่ะ การเริ่มต้นชีวิตของการเป็น "พระราชินี" ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เปรียบประหนึ่งเป็นความฝัน ซึ่งแม้แต่พระองค์ท่านเองก็ยังแทบไม่เชื่อ เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์เป็นนักเรียนของโรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์ ระหว่างที่ทรงศึกษาอยู่ในช่วงปีสุดท้ายนั้น ทรงเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังว่า มีหมอดูเดินเข้าไปในบ้าน (วังเทเวศร์) และพยากรณ์ดวงชะตาของพระองค์ท่านว่า ในอนาคตจะได้เป็นถึงพระราชินี
พระสิริโฉมอันงดงามของสมเด็จพระราชินีแห่งประเทศไทย ได้รับคำกล่าวขานและยกย่องเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ ได้โดยเสด็จฯพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปและสหรัฐอเมริกา หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในสองทวีปลงข่าวกันเอิกเกริกเกี่ยวกับความงามของพระองค์ อาทิ ไดเว็ลท์รายวันในกรุงบอนน์ ประเทศเยอรมนีตะวันตก (ในขณะนั้นยังแบ่งเป็นเยอรมนีตะวันออกและตะวันตก)

หนังสือพิมพ์ในกรุงลอนดอน ถวายสดุดีว่า "ทรงเป็นพระราชินีที่สดใสท่ามกลางสายพระพิรุณ" ส่วนหนังสือพิมพ์ในประเทศอิตาลี พาดหัวข่าวว่า "พระองค์ (ราชินี) มีพระชนม์ 28 แต่ดูเหมือนน้อยกว่านั้น 10 ปี" หนังสือพิมพ์ในกรุงปารีส พาดหัวข่าวว่า "ปารีสรักสิริกิติ์-พระราชินีผู้ทรงยิ้ม" อีกฉบับของฝรั่งเศส เขียนสดุดีว่า ประเทศไทยใช้อาวุธคือความงามของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ หนังสือพิมพ์สตาร์บุลเลติน แห่งฮอนโนลูลู สดุดีว่า "สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ของไทย ทรงมีความงามประหนึ่งตุ๊กตาที่อาจชนะตำแหน่งราชินีแห่งราชินี หากมีการประกวดพระราชินีกันขึ้นทั่วโลก" ขณะที่เดลิเกทซ์ หนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่งของอังกฤษ สดุดีว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็น "พระราชินีแห่งความงาม...ทรงเป็นพระราชินีผู้มีพระฉวีวรรณล้ำเลิศ ทรงแย้มพระสรวลเสมอ ทรงมีพระเกศาและพระเนตรสีนิล" พร้อมกับคำบรรยายพระบรมฉายาลักษณ์ว่า "เราขอต้อนรับพระราชินีผู้ทรงมีพระสิริโฉมงดงาม สว่างไสว แม้แต่กลางวันที่มืดมัวก็กระจ่างแจ้งได้"


เบื้องหลังพระสิริโฉมอันงดงามคือ ความมุ่งมั่นตั้งพระราชหฤทัยที่ต้องการให้ชื่อประเทศไทยถูกจารึกแก่สายตาชาวโลก ซึ่งนับว่าเป็นผลสำเร็จเมื่อมีการจารึกพระนามาภิไธยในหอแห่งเกียรติคุณ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในฐานะที่ทรงเป็น 1 ใน 12 สุภาพสตรีที่แต่งกายงามที่สุดในโลก ทั้งนี้ นิตยสารโวค ปารีส ยังได้ลงพระฉายาลักษณ์พระองค์ท่านในหน้าแฟชั่นในเล่มเป็นจำนวนหลายหน้า


ชาวต่างประเทศทุกคนก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นพระองค์ แต่สมัยก่อนสื่อต่าง ๆ ยังไม่แรงเท่าสมัยนี้ ถ้าจะให้พูดถึงพระองค์ท่านสมัยนั้น ไม่แพ้เจ้าหญิงไดอาน่าของอังกฤษ ไปไหนผู้คนก็เลื่องลือกล่าวขานถึง เพื่อนรุ่นพ่อที่อายุ 70 กว่าเป็นคนต่างชาติยังพูดถึงจนทุกวันนี้ว่าได้ไปถวายดอกไม้ ไปโบกธงรับ" "สมเด็จท่านทรงโปรดอะไรที่เป็นไทยอยู่แล้ว ทรงผ้าซิ่นไทย และตามเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ใช้ผ้าไทย จนกระทั่งเสด็จฯต่างประเทศอย่างเป็นทางการ ท่านจึงให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค คุณหญิงอุไร ลืออำรุง
ซึ่งเป็นช่างฉลองพระองค์มาออกแบบชุดไทยพระราชทาน เป็นจุดเริ่มแรกที่พระราชทานแก่วงการแฟชั่น หลังจากนั้น ท่านก็ทรงชุดไทยตลอด...ท่านรับสั่งเสมอว่า คนชอบว่าฉันแต่งตัวมากมายเวลาไปหาราษฎร ทำไมไม่นึกว่าเขาเดินมาทั้งวันกว่าจะมาหาฉัน เดินมาตั้งสิบกิโล ฉันก็ตั้งใจอยากให้เขาดู ให้เขาเห็นฉันสวย..." คุณหญิงต้นเล่าว่า ถ้าใครไปค้นหนังสือพิมพ์เก่า ๆ หรือคลิปข่าวเก่า ๆ จะเห็นว่าทรงงามมาก ดังนั้นในความคิดส่วนตัวแล้วจึงอยากจะทำงานถวาย เป็นการรวบรวมรูปภาพและแฟชั่นของพระองค์ท่าน ทำเป็นหนังสือให้คนไทยได้เห็น ได้เข้าใจง่าย ๆ เพราะคนที่ไม่ได้เก่งเรื่องนี้อาจจะไปหาดูลำบากว่าอยู่ที่ไหนบ้าง ประเทศที่เสด็จฯ และการที่สมเด็จพระนางเจ้าฯได้ไปอยู่ใน Hall of Fame เป็นผู้หญิงที่แต่งกายสวยที่สุดในโลกได้อย่างไร

"ในยุคที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ โลกยังไม่ได้ฉาบฉวยเหมือนทุกวันนี้ การเสด็จฯเยือนต่างประเทศสมัยก่อนโก้มาก ถือว่าทรงนำชื่อเสียงมาให้ประเทศไทย ทรงเป็นพระราชาหนุ่มที่งามมาก พระราชินีก็งามมากเช่นเดียวกัน ทั้งสองพระองค์ทรงนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ ทรงได้รับการถวายการต้อนรับแบบที่ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดในสมัยนี้จะได้รับเช่นนั้น อเมริกาถึงกับปิดถนนวอลล์สตรีตถวาย พระเจ้าอยู่หัวทรงประทับรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุนวิ่งไปตามถนน คนบนตึกก็จะปากระดาษสีแสดงการต้อนรับ คิดดูสมัยนี้ใครจะปิดถนนวอลล์สตรีตได้ นี่คือพระบารมี ท่านทรงสง่างาม

อีกหนึ่งความปลื้มปีติ เผ่าทอง ทองเจือ กูรูด้านวัฒนธรรมและผ้าไทย ยกย่องว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯทรงเป็นผู้นำในเรื่องเครื่องแต่งกายสตรี ความจริงท่านไม่ได้ฝักใฝ่ด้านแฟชั่น แต่ดำเนินรอยตามพระบรมราชบุพการี คือ พระอัครมเหสีในแต่ละรัชกาลในอดีต โดยทั่วไปแล้วพระอัครมเหสีในแต่ละรัชกาลที่ผ่านมา จะเป็นผู้สร้างพระราชนิยมของพระมหากษัตริย์ในรัชกาลนั้น ๆ เพราะฉะนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯทรงฟื้นผ้าพื้นถิ่นในการเสด็จเยี่ยมราษฎรในปี 2498 ได้ทอดพระเนตรเห็นเครื่องแต่งกายของราษฎรทั่วประเทศ แล้วมาช่วงปี 2503-2510 เป็นช่วงที่ทรงนำเครื่องแต่งกายพื้นถิ่นรูปแบบต่าง ๆ มาเป็นฉลองพระองค์ตรง ๆ "ท่านเคยรับสั่งว่า การเสด็จเยี่ยมราษฎรของพระองค์ท่าน ไม่รู้กี่หมื่นหมู่บ้าน เป็นการยากที่จะเสด็จฯซ้ำที่เดิม ฉะนั้นในแต่ละครั้ง ท่านจะต้องแต่งตัวให้เกียรติเจ้าภาพ และทรงเป็นเจ้านายที่เคร่งครัดเรื่องการแต่งกาย ทุกงานท่านจะแต่งฉลองพระองค์งดงามหมด"


กระนั้นแม้จะได้รับคำยกย่องสรรเสริญจากนานาชาติในฐานะ "พระราชินีผู้งดงามที่สุดในโลก" แต่สิ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าฯทรงตระหนักมาโดยตลอด คือการประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อช่วยเหลือราษฎรและประเทศชาติ เคียงข้างพระเจ้าอยู่หัว ทรงถูกสอนให้รู้จักคุณค่าของแผ่นดินและตอบสนองแผ่นดินด้วยการทำงาน ดั่งที่เคยรับสั่งว่า "...เมื่อแต่งงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงสอนตลอดมาว่า แผ่นดินนี้มีคุณ มีบุญคุณแก่ชีวิตของพวกเรามากมายนัก เพราะฉะนั้น ชีวิตที่เกิดมานี้อย่าได้ว่างเปล่า..."
from:https://www.siamvariety.com/view-22347.html
0 comments