วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 มีรายงานว่า ดร. นพ.นิพนธ์ ฉัตรทิพากร เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและฝึกอบรมสาขาโรคทางไฟฟ้าของหัวใจ เผยถึงกรณีการเสียชีวิตของ โจ บอยสเก๊าท์ ที่หัวใจวายขณะเล่นคอนเสิร์ตนั้น ว่า อันดับแรกตัวโจเองน่าจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว และภาวะที่เกิดขึ้นเกิดจากหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุที่ได้ยินกันบ่อย คือ ไฟฟ้าดูด ฟ้าผ่า รวมถึงโรคต่าง ๆ ที่พบบ่อย คือ หัวใจขาดเลือด โดยจะส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจตายนั่นเอง
 ส่วนการสังเกตอาการเบื้องต้น คือ ผู้ป่วยจะเจ็บหน้าอกแล้วล้มฟุบ เนื่องจากเลือดไม่ไหลเวียนไปที่สมอง ทำให้หมดสติ หากรักษาไม่ทันก็จะเสียชีวิตในที่สุด
สำหรับวิธีการรักษาที่ดีที่สุดและเป็นวิธีเดียว คือ การใช้ไฟฟ้าแรงสูงเข้าไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจ ด้วยเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ถ้าไม่มีเครื่องมือดังกล่าวก็จะต้องทำ CPR เพื่อพยุงเวลาในการช่วยชีวิตผู้ป่วยให้นานที่สุด
โดยผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงมากที่สุด คือ กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ส่วนผู้ไม่มีปัจจัยเสี่ยงจากโรคดังกล่าว แต่ร่างกายอาจมีทางนำไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ที่พบบ่อยเป็นกลุ่มนักกีฬา หรือผู้มีภาวะเครียด กดดัน พักผ่อนน้อย ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานของหัวใจมีความผิดปกติ ถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอย่างน้อยปีละครั้ง ควบคู่กับการตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้มีอายุตั้งแต่ 35-40 ปีขึ้นไป

ดังนั้นอยากให้คนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกาย และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง3, thainews





from:https://www.siamnews.com/view-9757.html